จังหวัดนครพนม ประกอบด้วยชนเผ่าต่าง ๆ รวม ๗ เผ่า ได้แก่ ชาวผู้ไท (ภูไท) ไทยญ้อ ไทยแสก ไทยกะเลิง ไทยโส้ ไทยข่า ไทยลาว (ไทยอีสาน) แต่ละเป่าจะรวมกันเป็นกลุ่ม กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ดังนี้
๑. ชาวผู้ไท (ภูไท) ผู้พิศมัย ความสุนทรีแห่งการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองผู้มาเยือนโดยเฉพาะการจัดการบายศรีสู่ขวัญ เลี้ยง
๓. ไทยแสก มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่เมืองแสก เขตเมืองคำเกิด ติดชายแดนญวน ๒๐ กิโลเมตร อพยพมาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ตอนที่ประเทศไทยปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ สมัยราชการที่ ๓ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม และบางส่วนอยู่ที่อำเภอนาหว้า มีประเพณีที่สำคัญคือ การเล่นแสกเต้นสาก
ศูนย์วัฒนธรรมไทยกะเลิงแห่งนี้ ตั้งขึ้นตามนโยบายฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายนาวิน ขันธหิรัญ ดังนั้น อำเภอนาแกโดยการนำของนายยงยุทธ นุกิจรังสรรค์ นายอำเภอนาแก จึงได้ร่วมประสานกับ อบต. โรงเรียน จัดตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น โดยนำเอาเอกลักษณ์แท้ ๆ ของไทยกะเลิง ส่งเสริมและพัฒนาให้มีสีสันและงดงามอลังการ ศูนย์วัฒนธรรม “ไทยกะเลิง” แห่งนี้ได้ปลุกเร้าให้เยาวชนตระหนักถึงคุณค่าของผลผลิตอันเกิดจากกระบวนความคิดของบรรพบุรุษที่แยบยลและลึกซึ้ง
ของดีอย่างนี้ “คนรุ่นใหม่” ควรที่จะศึกษาและอนุรักษ์ไว้ มิให้เสื่อมสลายตามกาลเวลาไปจากแผ่นดินไทยของเรา
๕. ไทยโส้ ถิ่นเดิมอยู่ที่เมืองมหาชัย ก่องแก้ว และแขวงเมืองคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อพยพเข้ามาอยู่ในภาคอีสาน สมัยรัชกาลที่ ๓ หลังปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ เป็นเผ่าที่มีความเชื่อ และความศรัทธาในบรรพบุรุษ มีพิธีกรรมที่สำคัญคือ พิธีโส้ทั่งบั้ง อาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านพะทาย หนองเทา และบางส่วนที่อำเภอศรีสงคราม และอำเภอโพนสวรรค์
๖. ไทยข่า เป็นชาวพื้นเมืองเผ่าหนึ่ง ที่อาศัยปะปนอยู่กับไทยกะเลิง ไทยโซ่ (โส้) และไทยลาว ซึ่งปัจจุบันนี้ถูกกลืนเกือบกะหมดแล้ว เดิมไทยข่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในแขวงสุวรรณเขต แขวงสาละวันและแขวงอัตปือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อพยพมายังประเทศไทยในรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวไทยข่าที่พอจะมีหลักฐานบ้างอาศัยปะปนกับไทยโซ่ (โส้) ในจังหวัดนครพนม เช่น หมู่บ้านคำเตย ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
๗. ไทยลาว (ไทยอีสาน) เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ พูดภาษาไทย-ลาว (ภาษาอีสานป เป็นกลุ่มผู้นำทางด้านวัฒนธรรมภาคอีสาน เช่น ฮีต คอง ตำนาน อักษรศาสตร์ จารีตประเพณี นิยมตั้งหมู่บ้านเป็นกลุ่ม บนที่ดอนเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “โนน” ยึดทำเลการทำนาเป็นสำคัญ อาศัยอยู่ทั่วไป