งานบุญประเพณีที่วัด ทำไมต้องมีพิธีอัญเชิญพระอุปคุต

 

“ พิธีแห่พระอุปคุต งานนมัสการพระธาตุพนม

เริ่ม 07:00 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567

ขอเชิญมาเที่ยวงานบุญเดือนสาม 9วัน 9คืน ”

 

#ธาตุพนมเมืองท่องเที่ยว

 

ในงานประเพณีบุญเดือนสาม ได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญพระอุปคุตจากแม่น้ำโขง สู่บริเวณพิธี ณ วัดพระธาตุพนม

 

มีผู้สงสัยว่า พระอุปคุตคืออะไร ทำไมต้องอัญเชิญพระอุปคุต และทำไมต้องอัญเชิญจากบริเวณท่าน้ำ

 

พระอุปคุตนั้น เป็นพระมหาเถระ ที่มีความสำคัญในพระพุทธศาสนาอย่างมาก ตามตำนานเล่าว่า ท่านเกิดหลังจากพุทธปรินิพพาน ไปแล้วร้อยปีเศษ แต่มีชื่อเสียงในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ราว พ.ศ.200-300 ท่านมีนามว่า “พระกีสนาคะอุปคุต” แต่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “พระอุปคุต”

 

โดยชื่อ กีสนาคะ แปลว่าผอม (เรียกตามรูปร่างของท่านที่เป็นคนผอมร่างเล็ก) ส่วนคำว่า อุปคุต แปลว่า ปกป้องหรือคุ้มครอง

 

พระพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับพระอุปคุตตั้งแต่ท่านยังไม่เกิดว่า ” ดูกร อานนท์ ณ เมืองมถุราแห่งนี้ เมื่อเราตถาคตได้ปรินิพพานเกินกว่า 100 ปี จะมีพ่อค้านามว่า “คุปตะ” และมีบุตรชื่อ “อุปคุต” อุปคุตผู้นี้ ต่อไปจะเป็นอนุพุทธที่ปราศจากมหาปุริสลักษณะ ผู้มาสืบทอดพระธรรมวินัยของเราตถาคต…” และทรงยกย่องพระอุปคุตไว้ล่วงหน้าว่าเป็นเอตทัคคะในทางผู้เป็นพระธรรมกถึก

 

พระอุปคุต ท่านได้ออกบวชเนื่องด้วยบิดาได้สัญญากับพระสาณวารี (ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์พระอานนท์เถระ) ว่าหากมีบุตรชายจะให้บวชในพระศาสนา ภายหลังออกบวชได้สำเร็จ อรหัตผล และยังเป็นพระกรรมฐานที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น พระอุปคุตจำพรรษาอยู่ ณ วัดนตภัติการาม เชิงเขาอุรุมนท์ เมืองมถุรา สามารถสั่งสอนลูกศิษย์จนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ถึง 18,000 รูป สมตามพุทธพยากรณ์และทรงยกย่องเป็นเอตทัคคะไว้ล่วงหน้ากว่าร้อยปี ตามปกติท่านบำเพ็ญธรรมชอบอยู่วิเวก โดยบางครั้งจะปลีกวิเวกใต้ท้องทะเลหรือสะดือทะเล

 

เมื่อครั้นพระเจ้าอโศกทรงต้องการฉลองพระมหาเจดีย์ 84,000 องค์ ทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ คณะสงฆ์มีมติให้นิมนต์ท่านมาคุ้มครองงานบำเพ็ญพระราชกุศลนี้ให้สำเร็จราบรื่น โดยนิมนต์ให้ท่านขึ้นมาจากสะดือทะเล ด้วยเหตุว่า พญามารต้องการขัดขวางงานสำคัญของพระเจ้าอโศกนี้ พระอุปคุตจึงได้แสดงฤทธิ์จับพญามารขังไว้ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน โดยใช้ประคดเอวมัดพญามารไว้ พร้อมกับหมาเน่าติดตัวพญามาร แกะอย่างไรก็แกะไม่ออก จนงานพิธีต่างๆ สำเร็จลุล่วงด้วยดี หลังจากนั้นท่านจึงได้ปล่อยพญามาร และพญามารได้หายพยศ พร้อมกลับใจมานับถือพระพุทธศาสนา โดยพญามารตนนี้เป็นตนเดียวกับที่ทูลขอให้พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

 

แม้เหตุการณ์นั้นของท่านจะล่วงเลยมากว่าสองพันปี คุณความดีที่ท่านได้ปกป้องพระพุทธศาสนาในครั้งนั้น ยังเป็นที่เล่าขานในอิทธิฤทธิ์ของท่านตราบถึงปัจจุบัน โดยจะเห็นได้ว่าชาวพุทธยังนิยมนิมนต์ท่าน เพื่อมาคุ้มครองพิธีสำคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา และนอกจากนี้ยังมีความเด่นในด้านการบันดาลโชคลาภให้กับผู้ที่บูชาท่านอีกด้วย